HIGHLIGHT
• วิธีหยุดผมหลุดร่วงหลังคลอด ฉบับทำตามง่ายๆ แค่ 4 วิธี
• เน้นอาหารที่มีวิตามินช่วยบำรุงผม, เลือกทานอาหารให้ครบถ้วน, งดการทำเคมีกับผม และพยายามอย่าเครียด
• เพื่อผลระยะยาว แนะนำให้ทานอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามิน B,C,E ธาตุสังกะสี ธาตุเหล็ก และไบโอติน ซึ่งพบได้มากในผักผลไม้ และที่สำคัญควรเลือกผักผลไม้ที่เป็นออแกนิค เพื่อรักษาคุณค่าทางโภชนาการ และปลอดภัยจากสารเคมี

ปัญหาผมร่วงหลังคลอดถือว่าเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันเยอะมาก เพราะส่วนใหญ่คุณแม่หลังคลอดมักจะพบเจอกันแทบทุกคน จริงๆแล้วเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้นะคะ โดยคุณแม่ส่วนใหญ่ผมจะร่วงในช่วง 2-4 เดือนหลังคลอด ซึ่งจะร่วงมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับสภาพผม และความหนาของผมค่ะ
ก่อนที่เราจะไปดูวิธีแก้ปัญหาผมร่วงหลังคลอด เรามาทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่า ว่าจริงๆแล้วสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงคืออะไร?
ในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนโมนเอสโตรเจนมากขึ้น ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าผมหนาขึ้น ดกดำขึ้น ยาวเร็วขึ้นมากกว่าปกติ แต่พอคลอดน้องแล้ว ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลงสู่ภาวะปกติเหมือนตอนก่อนคลอด ช่วงนี้แหละค่ะผมจะเริ่มร่วงมากกว่าปกติ
โดยส่วนมากแล้วมักจะร่วงประมาณ 4 เดือน และช่วงประมาณเดือนที่ 6 ก็จะกลับมาเป็นปกติ แต่สำหรับบางคนก็อาจร่วงยาวไปเป็นปี แต่หากนานกว่านั้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์นะคะ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ ว่ากลัวจะไม่สวย ผมดูบางเกินไปมั้ย เรามีวิธีหยุดปัญหาผมร่วงหลังคลอดแบบง่ายๆ 4 วิธีมาฝากกัน~
1. เน้นอาหารที่มีวิตามินช่วยบำรุงผม

ต้องขอบอกเลยนะคะว่าการทานอาหารเพื่อบำรุงผม ดูเป็นวิธีที่อาจจะใช้เวลายาวนานกว่าการบำรุงจากภายนอก แต่จริงๆ แล้วถ้าอยากได้ผลดีในระยะยาว วิธีการเน้นอาหารที่มีวิตามินช่วยบำรุงผม ถือว่าตอบโจทย์มากที่สุดค่ะ
The American Pregnancy Association ให้คำแนะนำว่าวิตามินที่เราควรทานเพื่อบำรุงผม และหยุดปัญหาผมร่วงคือ วิตามิน B, C, E ธาตุสังกะสี ธาตุเหล็ก และไบโอติน ซึ่งสามารถพบได้ในถั่วและธัญพืช ปลาแซลมอน นมสด ชีส โยเกิร์ต และผักใบเขียว อาทิเช่น Kale, Spirulina, Matcha เป็นต้น อาจจะนำส่วนผสมพวกนี้ไปใส่ในเมนูอาหารต่างๆ ที่เราชื่นชอบก็ได้ค่ะ
2.เลือกทานอาหารให้ครบถ้วน

นอกจากเราจะเน้นอาหารที่มีวิตามินที่ช่วยบำรุงผมแล้วนะคะ การที่เรากินอาหารไม่ครบถ้วน ไม่ทานพวกผักผลไม้ หรืออาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ก็อาจจะยิ่งทำให้เราขาดสารอาหารไปบำรุงผม ส่งผลให้ผมยิ่งขาดหลุดร่วง ผมบางขึ้น
เพราะฉะนั้นเราควรเลือกทานอาหารให้ครบถ้วน เน้นการทานผักผลไม้ ธัญพืชต่างๆ รวมถึงควรทานอาหารที่เป็นออแกนิค นอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงแล้ว ยังปลอดภัยจากสารอันตรายต่างๆ ที่มีอยู่ในผักผลไม้ด้วยค่ะ
3.จะทำอะไรกับผม ฉุกคิดสักนิด

หลังคลอดก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครๆ ก็อยากดูสวย อยากดูเป๊ะเวอร์~ และการทำอะไรเกี่ยวกับผม ก็เป็นสิ่งที่หลายๆคนเริ่มต้นทำหลังจากคลอด ไม่ว่าจะเป็นการดัดผม ยืดผม ทำสี ม้วนลอน เป็นต้น แต่นี่แหละค่ะคุณผู้ชมขา…คือตัวทำลายผม และทำให้ผมขาดหลุดร่วงดีๆ นี่เอง
คุณแม่หลังคลอดควรหลีกเลี่ยงการทำเคมีกับผม ไม่ว่าจะเป็นการทำสี การดัด ยืด หรือแม้แต่การเป่าผมด้วยความร้อน ยิ่งผมเจอความร้อน ยิ่งทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่ายกว่าเดิม เพราะฉะนั้นถ้ายังอยากสวย อยากผมดูสุขภาพดี ต้องหลีกเลี่ยงไปก่อนน้า
4. ความเครียดส่งผลต่อผมมากกว่าที่คิด

ความเครียดมักเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย บางทีก็มาจากปัญหาต่างๆที่ต้องเจอในแต่ละวัน บางครั้งก็กังวลเรื่องการเลี้ยงลูก เรื่องความสวยความงาม เรื่องหุ่นพัง หรืออื่นๆ ก็ตามแต่ เรื่องพวกนี้เราอาจจะคิดว่ามันไม่เกี่ยว แต่จริงๆแล้วเกี่ยวข้องโดยตรงเลยแหละ
เพราะการที่เราเกิดความเครียดจะส่งผลให้รากผมจำนวนหนึ่งเข้าสู่ภาวะพักการทำงาน ทำให้ผมหยุดยาว ยังค่ะยังไม่พอ…พอรากผมเข้าสู่ภาวะการทำงานแล้ว ก็จะไปกระตุ้นให้ผมเกิดการร่วงมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นพยายามอย่าเครียดมาก เลือกกิจกรรมต่างๆ ทำแก้เครียดจะดีกว่าค่า
ทั้ง 4 วิธีล้วนแต่เป็นวิธีทีต้องใช้ระยะเวลาในการดูแลบำรุงผม แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าถ้าเริ่มตั้งแต่วันนี้ จะส่งผลดีต่อตัวเราในระยะยาวแน่นอน แถมยังได้สุขภาพดีๆ อีกด้วยนะคะ ถือว่าเป็นวิธีการหยุดผมร่วงที่สามารถทำได้เลย เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ ก่อน หลังจากนั้นการเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อตัวเอง ก็จะเป็นเรื่องที่ดูง่ายไปโดยทันทีค่ะ
สำหรับคุณแม่หลังคลอดท่านใดที่รู้สึกว่าบำรุงผมอย่างเดียวมันไม่พอล้าวว~ อยากหาทางลัดหุ่นเป๊ะปัง สำหรับคุณแม่หลังคลอด หรือสูตรลดน้ำหนักภายใน 3 เดือน สำหรับคุณแม่มือใหม่ให้กลับมาสวยแซ่บ! ก็แวะมาอ่านกันได้นะค้า รับรองว่าเริ่สจนหยุดอ่านไม่ได้
ต่อให้เรามีคุณลูกแล้ว เราจะเป็นคุณแม่ที่ไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยตัวเองให้โทรมแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด หันกลับมาดูแลตัวเองในทุกๆ ด้าน รับรองว่าชีวิตจะแฮปปี้ ไปที่ไหนก็มีแต่คนชมว่ามีลูกแล้วทำไมยังดูสวย ดูสาวอยู่แน่นอน มาเปลี่ยนแปลง และดูแลตัวเองไปพร้อมกันนะคะ
ที่มา kellymom.com , flo.health