อาหารที่ต้องระวังลูกแพ้สำหรับคุณแม่เด็กแรกเกิด

Highlight

• 4 อาหารยอดฮิตที่ต้องระวังลูกแพ้ สำหรับคุณแม่มือใหม่
• นมวัว
• ข้าวสาลี
• ไข่
• ถั่วเหลือง
• สาเหตุหลักๆที่แพ้เกิดจาก การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน อาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ เช่น หากมีคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ ก็มีโอกาสที่จะเป็นได้ หรือขาดวิตามินดี ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการแพ้อาหารได้
• อาการแพ้อาหารมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อย จนถึงรุนแรง เช่น ปวดท้อง อาเจียน ผื่นขึ้นตามตัว เป็นต้น
• สำหรับคุณแม่ควรระมัดระวังในการทานอาหารมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการแพ้อาหารของลูกน้อย รวมถึงเลือกอาหารที่เป็นออแกนิค เพื่อความสะอาด และมั่นใจได้ว่าปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆ

สำหรับคุณแม่มือใหม่ อันดับต้นๆ เรื่องที่คุณแม่มักจะกังวลเลย ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง “อาหารที่ลูกแพ้” เพราะคนเป็นแม่อย่างเราๆ ก็อยากให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดใช่มั้ยล่ะคะ แต่พอจะกินนู้นกินนี่ก็กลัวว่าเจ้าตัวน้อยจะแพ้อีก

ด้วยความที่ยุคนี้ อาหารบุฟเฟต์เอย หมูกะทะเอย ของวงของหวาน โอ้ย…เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็ม ของกินนี่หาได้ง่ายซะยิ่งกว่าอะไร หลายๆคนอาจจะห้ามใจลำบาก เพราะไหนๆก็อดมาตั้ง 9 เดือนแล้ว หลังคลอดก็ขอจัดเต็มสักหน่อย

แต่เดี๋ยวก่อนค่าา ก่อนที่เราจะเริ่มทานอาหารตามใจปาก เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า ว่าอาหารที่ลูกแพ้มีอะไรบ้าง และสาเหตุจริงๆเกิดจากอะไร เพื่อที่คุณแม่มือใหม่ จะได้ระมัดระวังในการเลือกทานอาหารมากยิ่งขึ้นค่ะ

สาเหตุที่ลูกแพ้อาหารคือ?

สาเหตุที่ทำให้ลูกแพ้อาหารมีได้หลายประการ เช่น คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้เพียง 1 คน มีความเสี่ยงในการแพ้อาหารเพิ่มร้อยละ 40 หรืออาจจะขาดวิตามินดี ซึ่งอาจทำให้เกิดการแพ้อาหารได้เช่นกันค่ะ

ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดปกติในร่างกาย เช่น มีผดผื่นขึ้นตามร่างกาย ปวดท้อง ระบบทางเดินหายใจ หัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น ซึ่งอาการมีทั้งระดับน้อย จนถึงรุนแรง ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนค่ะ

ต่อไปเรามาดูกันดีกว่า ว่าอาหารที่ต้องระวังลูกแพ้มีอะไรกันบ้างค่า

1. นมวัว 

นมวัวถือว่าเป็นหนึ่งในอาหารยอดฮิตที่คุณแม่มักจะให้ลูกๆดื่ม เพื่อทดแทนน้ำนมของคุณแม่ ซึ่งนมวัวมีส่วนช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย รวมถึงพัฒนาการทารกอีกด้วย

แต่ใครจะไปคิดล่ะคะ ว่าเด็กอ่อนมีความไวต่อการแพ้นมวัวสูง ซึ่งอาจจะส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย อาการที่พบก็มีตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงรุ่นแรง เช่น อาเจียน มีผื่นขึ้นตามร่างกาย หายใจติดขัด ปวดท้อง เป็นต้น ซึ่งบางรายอาจแพ้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ค่ะ

หากเด็กมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และสำหรับคุณแม่ที่ยังคงให้นมบุตรอยู่ ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีส่วนผสมของนมวัว เช่น นมวัวทุกชนิด เนย ชีส ซีเรียล เป็นต้น เพราะเด็กแรกเกิดอย่างที่บอกไปค่ะ ว่าจะไวต่อการรับสารผ่านทางน้ำนมมากกว่าปกติ เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษนะคะ

2. ข้าวสาลี 

ข้าวสาลีหลายๆคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้วนะคะ นิยมนำมาทำขนมปัง ขนมเค้ก เส้นบะหมี่ และมะกะโรนี เป็นต้น มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาท บำรุงหัวใจ ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้อีกด้วยค่ะ

ส่วนมากอาการแพ้จะพบในเด็ก จะมีอาการเป็นผื่นภูมิแพ้ขึ้นตามผิวหนัง ผื่นแดงแห้งเป็นขุย เกิดอาการมึนงง ริมฝีปากบวม อาเจียน ท้องเสีย หายใจลำบาก เป็นต้น ซึ่งอาการและความรุนแรงก็ขึ้นอยู่ที่ภาวะร่างกายของแต่ละคน 

ซึ่งถ้าถามว่าสามารถหายจากอาการแพ้ได้ไหม? คำตอบคือได้ค่า จากบทความของรองศาสตราจารย์วิมล ศรีศุข ได้กล่าวไว้ว่า ร้อยละ 20 ของเด็ก อาการจะเริ่มหายไปเมื่ออายุ 4 ปี ร้อยละ 52 อาการจะหายไปเมื่ออายุ 8 ปี จนถึงร้อยละ 76 อาการจะหายไปเมื่ออายุ 18 ปีค่ะ

3. ไข่

อุ้ย…ใครจะไปคิดละคะว่าอาหารยอดฮิตของทุกบ้าน ทุกวัย จะกลายมาเป็นหนึ่งในอาหารที่แพ้ได้ เพราะพูดกันตรงๆเลยว่า นึกอะไรไม่ออก ไม่รู้จะคิดอะไร ก็ต้องเป็นไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ต้ม เมนูประจำบ้านของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ค่า

ซึ่งพบบ่อยในเด็กอายุประมาณ 1 ปีแรก จะมีอาการเริ่มแพ้อาหารมากที่สุด และส่วนใหญ่อาการแพ้จะเริ่มหายตอนอายุ 9 ปี เกิดจากภูมิคุ้มกันเข้าใจผิดว่าสารบางอย่างในไข่เป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงทำให้ระบบภูมิคุ้มกันปล่อยสารฮิสตามีน และสารอื่นๆออกมาจัดการกับสารที่คาดว่าจะเป็นอันตราย

ซึ่งหากแพ้จะมีอาการที่แตกต่างกันไป เช่น มีผื่นลมพิษ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย มีอาการแน่นหน้าอก เป็นต้น ซึ่งอาการแพ้สามารถเกิดขึ้นได้ภายในไม่กี่นาที  หรือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงหลังจากรับประทานไข่ จึงเกิดอาการ มีระดับความรุนแรงตั้งแต่เล็กน้อย จนถึงรุนแรงเช่นกันค่ะ

4. ถั่วเหลือง

หนึ่งในอาหารที่ถือว่ามีสรรพคุณและคุณประโยชน์สูง ก็คงหนีไม่พ้นถั่วเหลืองนั่นเองค่า เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน คาร์โบไฮเดรต กรดอะมิโน มีไขมันชนิดดีสูง และมีวิตามินหลากหลายชนิด หารับประทานได้ไม่อยากอีกด้วยค่ะ 

แต่เพราะความที่หาทานได้ง่าย ราคาไม่ได้สูงมากนี่แหละค่า ดันเป็นหนึ่งในอาหารที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเลยหากไม่อยากให้ลูกน้อยแพ้ ซึ่งวัยที่แพ้ถั่วเหลือง ส่วนมากจะพบในเด็กที่เป็นทารก สูงสุดเมื่ออายุ 2 ปี และพบว่าอาการแพ้จะเริ่มหายไปร้อยละ 45 เมื่ออายุ 6 ปี 

เกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันทำปฏิกิริยากับสารบางอย่างในถั่วเหลือง ส่งผลให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี เพื่อกำจัดสารประกอบของถั่วเหลืองที่อยู่ในร่างกาย ซึ่งอาการแพ้ถั่วเหลือง จะมีผื่นแดง บวมแดง มีน้ำเหลืองเยิ้ม และมีผื่นผิวหนังอักเสบ

ซึ่งอาการแพ้ถั่วเหลืองอย่างที่บอกไปข้างต้นนะคะ ว่าสามารถหายเองได้เมื่อโตขึ้น แต่สำหรับบางคนก็ยังจะมีอาการแพ้อยู่ จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรักษา หรือป้องกันเมื่อเกิดอาการอีกครั้ง ไม่ควรซื้อยาทานเองนะคะ

ทั้งหมดทั้งมวลที่ทางศรีนำมาฝากนะคะ ก็อย่าลืมเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ เลือกที่เป็นออแกนิค ทานในปริมาณที่พอดี เลือกให้เหมาะสม หรือถ้ามีอาการแพ้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารชนิดนั้น เพราะอาจส่งผลต่อลูกน้อยได้โดยตรงค่ะ

และสำหรับใครที่ต้องการอาหารเสริมลดน้ำหนักที่ดีที่สุด ไม่มีโยโย่ ไม่มีสวิง รวมถึงบทความที่ให้สาระความรู้เกี่ยวกับอาหารเพิ่มน้ำนมแม่ Superfood คืออะไร หรืออาหารเสริมบำรุงผิวให้เป๊ะปังฉบับคุณแม่ยุคใหม่ ก็สามารถติดตามอ่านกันได้เลยนะคะ 

รับรองว่าทุกบทความที่ศรีแนะนำ ดีเริ่ดที่สุด ตอบโจทย์คุณแม่แน่นอนค่ะ และที่สำคัญเลยนะคะ ต่อให้เรามีลูกแล้ว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะสวยแซ่บ ดูแพงไม่ได้ ดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ รับรองว่าผลของมันทั้งดี และได้มีประโยชน์ทั้งต่อตัวคุณแม่ และลูกน้อยแน่นอนค่ะ

คราวหน้าจะมีบทความดีๆ อะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามนะคะ : )